หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

การออกแบบหนังสืออิเล็กทรอนิกส์


                                                                         
                                                                         
                                                          ปกหน้า





                                                                          ปกหลัง



















วันพุธที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2555

วันแม่แห่งชาติ


วันแม่แห่งชาติ


      
ความเป็นมา
งานวันแม่จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2486 ณ.สวนอัมพร โดยกระทรวงสาธารณสุข แต่ช่วงนั้นเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 งานวันแม่ในปีต่อมาจึงต้องงดไป เมื่อวิกฤติสงครามสงบลง หลายหน่วยงานได้พยายามให้มีวันแม่ขึ้นมาอีก แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร และมีการเปลี่ยนกำหนดวันแม่ไปหลายครั้ง ต่อมาวันแม่ที่รัฐบาลรับรอง คือวันที่ 15 เมษายน โดยเริ่มจัดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2493 แต่ก็ต้องหยุดลงอีกในหลายปีต่อมา เนื่องจากกระทรวงวัฒนธรรมถูกยุบไป ส่งผลให้สภาวัฒนธรรมแห่งชาติ ซึ่งรับหน้าที่จัดงานวันแม่ขาดผู้สนับสนุน ต่อมาสมาคมครูคาทอลิกแห่งประเทศไทย ได้จัดงานวันแม่ขึ้นอีกครั้ง ในวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2515
แต่จัดได้เพียงปีเดียวเท่านั้น จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2519 คณะกรรมการอำนวยการสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ จึงได้กำหนดวันแม่ขึ้นใหม่ให้เป็นวันที่แน่นอน โดยถือเอาวันเสด็จพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ วันที่ 12 สิงหาคมเป็นวันแม่แห่งชาติ และกำหนดให้ดอกไม้สัญลักษณ์ของวันแม่ คือ ดอกมะลิ
 
ดอกมะลิ สัญลักษณ์ของวันแม่
นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงเป็นสมเด็จพระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 9 พระนามเดิม หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร เป็นพระธิดาองค์ใหญ่ของหม่อมเจ้านักขัตรมงคล (ภายหลังได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาขึ้นเป็น พลเอกพระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นจันทบุรีสุรนาถ)กับ หม่อมหลวงบัว กิติยากร เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2475 ณ บ้านของพลเอกเจ้าพระยาวงศานุประพัทธ์ (ม.ร.ว.สท้าน สนิทวงศ์) และท้าววนิดาพิจาริณี บิดาและมารดาของหม่อมหลวงบัว กิติยากร ตั้งอยู่ที่ 1808 ถนนพระรามที่ 6 อำเภอปทุมวัน จ.พระนคร  ได้รับพระราชทานนามจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวว่า "สิริกิติ์" มีความหมายว่า "ผู้เป็นศรีแห่งกิติยากร"

ตราประจำพระองค์
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระภาดา (พี่ชาย) 2 องค์ และและพระขนิษฐภคินี (น้องสาว) 1 องค์ ดังนี้ หม่อมราชวงศ์กัลยาณกิติ์ กิติยากร (ชาตะ พ.ศ. 2472) หม่อมราชวงศ์อดุลกิติ์ กิติยากร (ชาตะ พ.ศ. 2473) และ หม่อมราชวงศ์หญิง บุษบา กิติยากร (ชาตะ พ.ศ. 2477)
ในระหว่างยังทรงพระเยาว์ สถานการณ์บ้านเมืองไม่สู้สงบนัก เนื่องจากเพิ่งพ้นจากช่วงของการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 ไม่นาน หม่อมเจ้านักขัตรมงคลต้องทรงออกจากราชการ รัฐบาลแต่งตั้งให้ไปรับตำแหน่งเลขานุการเอกประจำสถานทูตสยาม ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ส่วนหม่อมหลวงบัวซึ่งมีครรภ์แก่ ได้เดินทางไปสมทบหลังจากให้กำเนิดหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์แล้ว โดยมอบหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ให้อยู่ในความดูแลของบิดาและมารดาของหม่อมหลวงบัว ดังนั้นจึงต้องอยู่ไกลจากบิดามารดาตั้งแต่อายุน้อย บางคราวต้องเดินทางไปต่างจังหวัด เช่น พ.ศ. 2476 หม่อมเจ้าอัปสรสมาน กิติยากร พระมารดาของหม่อมเจ้านักขัตรมงคล ได้ทรงรับนัดดาตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ไปอยู่ที่จังหวัดสงขลา ปลายปี พ.ศ. 2477 หม่อมเจ้านักขัตรมงคลทรงลาออกจากราชการแล้วกลับมาประเทศไทย จึงทำให้หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ซึ่งขณะนั้นอายุได้ 2 ปี 6 เดือน ได้กลับมาอยู่รวมพร้อมหน้ากันทั้งครอบครัว ณ ตำหนักบริเวณถนนกรุงเกษม ปากคลองผดุงกรุงเกษม ริมแม่น้ำเจ้าพระยา
การศึกษา
พ.ศ. 2479 เมื่อหม่อมราชวงศ์หญิงสิริกิติ์มีอายุได้ 4 ขวบ ก็ได้เข้ารับการศึกษาครั้งแรกในชั้นอนุบาลที่โรงเรียนราชินี ทว่าในขณะนั้น แม้เหตุการณ์ด้านการเมืองภายในประเทศไทยจะสงบลง แต่สถานการณ์ระหว่างประเทศก็ไม่สงบ กล่าวคือ สงครามมหาเอเชียบูรพาเริ่มแผ่ขยายมาถึงประเทศไทย กรุงเทพมหานครถูกโจมตีทางอากาศหลายครั้งจนการคมนาคมไม่สะดวก พระบิดาจึงให้หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ย้ายไปเรียนที่โรงเรียนเซนต์ฟรังซีสซาเวียร์คอนแวนต์ เพราะอยู่ใกล้วังพระบิดา ได้เรียนที่นั่นตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 จนจบชั้นมัธยมศึกษา หม่อมราชวงศ์หญิงสิริกิติ์ได้เรียนเปียโน ซึ่งเรียนได้ดีและเร็วเป็นพิเศษ นอกจากนี้ยังได้ศึกษาภาษาอังกฤษและภาษาฝรั่งเศสด้วย

พ.ศ. 2489 ครั้นเมื่อสงครามโลกครั้งที่สองสงบลง หม่อมเจ้านักขัตรมงคลต้องเสด็จไปดำรงตำแหน่งรัฐทูตวิสามัญและอัครราชทูตผู้มีอำนาจเต็มประจำสำนักเซนต์เจมส์ ประเทศอังกฤษ ทั้งนี้โดยได้ทรงพาครอบครัวทั้งหมดไปอยู่ด้วย ในเวลานั้นหม่อมราชวงศ์หญิงสิริกิติ์ มีอายุได้ 13 ปีเศษ และเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 แล้ว
ขณะที่อยู่ในประเทศอังกฤษ หม่อมราชวงศ์หญิงสิริกิติ์ได้ศึกษาต่อทั้งวิชาภาษาอังกฤษและฝรั่งเศส และวิชาเปียโนกับครูพิเศษ หลังจากนั้นไม่นาน พระบิดาย้ายไปเดนมาร์กและฝรั่งเศส ตามลำดับ ขณะที่หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ก็ยังคงเรียนเปียโน และตั้งใจจะศึกษาต่อในวิทยาลัยการดนตรีที่มีชื่อเสียงของกรุงปารีส

ระหว่างที่อยู่ในประเทศฝรั่งเศส หม่อมราชวงศ์หญิงสิริกิติ์ได้มีโอกาสรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช (ขณะนั้นทรงศึกษาต่อที่สวิตเซอร์แลนด์หลังจากเสด็จขึ้นครองราชย์) ซึ่งพระองค์เสด็จประพาสกรุงปารีส โดยทางรถยนต์จากสวิตเซอร์แลนด์ เพราะประสงค์จะเลือกซื้อรถยนต์พระที่นั่งแทนคันเดิม และยังได้รับชมการแสดงดนตรีของคณะที่มีชื่อเสียงด้วย ในระหว่างที่เสด็จพระราชดำเนินมายังกรุงปารีส ก็ได้ประทับที่สถานทูตไทยประจำประเทศฝรั่งเศสเช่นเดียวกันกับนักเรียนไทยคนอื่นในสมัยนั้น ทั้งนี้เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงโปรดการดนตรีเป็นพิเศษ ขณะที่หม่อมราชวงศ์หญิงสิริกิติ์ก็สนใจศิลปะเช่นกัน ทำให้เกิดความความสัมพันธ์ขึ้น
ทรงหมั้น
วันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2491 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ณ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ทรงเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งโดยมีหม่อมหลวงบัวและหม่อมราชวงศ์หญิงสิริกิติ์ เข้าเฝ้าฯ เยี่ยมพระอาการเป็นประจำ และในช่วงระยะเวลาที่หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์อยู่เฝ้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่สวิตเซอร์แลนด์นั้น สมเด็จพระราชชนนีศรีสังวาลย์ (พระนามในเวลานั้น) ได้ทรงรับเป็นธุระจัดการให้หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์เข้าศึกษาในโรงเรียน Pensionnat Riante Rive [ต้องการแหล่งอ้างอิง] ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำแห่งหนึ่งของโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ครั้นเมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงหายจากอาการประชวรแล้ว ก็ได้ทรงหมั้นหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์เป็นการภายในเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2492

หลังจากทรงหมั้นแล้ว หม่อมราชวงศ์หญิงสิริกิติ์ยังคงศึกษาต่อ กระทั่ง พ.ศ. 2493 เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินนิวัตพระนครเพื่อร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล พระองค์ท่านโปรดฯ ให้หม่อมราชวงศ์หญิงสิริกิติ์ตามเสด็จพระราชดำเนินกลับมาด้วย

อภิเษกสมรส

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระบรมราชินีนาถทรงสายสะพายนพรัตน์ราชวราภรณ์เมื่อวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2493 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้จัดการพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสขึ้น ณ วังสระปทุม และโปรดเกล้าฯ สถาปนาหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ขึ้นเป็น สมเด็จพระราชินีสิริกิติ์

หลังจากครองราชย์สมบัติอย่างกะทันหัน พระบาทสมเด็จพระหัวอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ได้โปรดเกล้าฯ ให้มีพระราชพิธีบรมราชาภิเษกขึ้นในวันที่ 5 พฤษภาคม 2493 และโปรดฯ ให้เฉลิมพระนามาภิไธย สมเด็จพระราชินีสิริกิติ์ เป็น สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี หลังจากนั้นทั้งสองพระองค์ได้เสด็จฯ กลับไปยังสวิตเซอร์แลนด์เพื่อทรงรักษาพระองค์และทรงศึกษาต่อ แล้วเสด็จฯ กลับมาอีกครั้งในปี พ.ศ. 2495

พระราชโอรสธิดา
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระราชโอรส และพระราชธิดา 4 พระองค์ ดังนี้
1. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ประสูติ ณ สถานพยาบาลมองซัวซี นครโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2494 ต่อมาได้ทรงลาออกจากฐานันดรศักดิ์ (ปัจจุบัน ทรงพระนามว่า ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ราชกัญญา สิริโสภาพรรณวดี) เพื่อสมรสกับนายปีเตอร์ เลด เจนเซ่น ชาวอเมริกัน ทรงมีพระโอรส 1 องค์ และพระธิดา 2 องค์
2. สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ บรมจักราดิศรสันตติวงศ์ เทเวศรธำรงสุรบริบาล อภิคุณูประการมหิตลาดุลเดชภูมิพลนเรศวรางกูร กิติสิริสมบูรณ์ สวางควัฒน์ บรมขัตติยราชกุมาร ประสูติ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2495 ต่อมา ทรงได้รับการสถาปนา ขึ้นเป็น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฏราชกุมาร เมื่อ พ.ศ. 2515
3. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิรินธรเทพรัตนสุดา กิติวัฒนาดุลโสภาคย์ ประสูติ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน เมื่อวันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2498 ต่อมาทรงได้รับพระราชทานโปรดเกล้าฯ ให้เฉลิมพระอิสริยยศ เป็น สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี เมื่อ พ.ศ. 2520
4. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ประสูติ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน เมื่อวันที่ 4 กรกฏาคม พ.ศ. 2500 ทรงอภิเษกสมรสกับ เรืออากาศโท (ยศในขณะนั้น) วีระยุทธ ดิษยะศริน ทรงมีพระธิดา 2 พระองค์

ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
เมื่อ พ.ศ. 2499 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ออกผนวชเป็นเวลา 15 วัน ระหว่างวันที่ 22 ตุลาคม - 5 พฤศจิกายน และระหว่างที่ผนวช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ในภายหลังพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงได้โปรดเกล้าฯ ให้เฉลิมพระนามาภิไธยเป็นสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม ปีเดียวกัน


กิจกรรมต่าง ๆ ที่ควรปฏิบัติในวันแม่แห่งชาติ 
ดอกมะลิ ดอกไม้สัญลักษณ์วันเเม่
1. ข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน หน่วยงานภาครัฐและเอกชนทั่วประเทศ
2. ร่วมจุดเทียนชัยถวายพระพรแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
3. การประดับไฟเฉลิมพระเกียรติ และประดับธงชาติตามอาคารบ้านเรือน
4. จัดกิจกรรมต่าง ๆ เกี่ยวกับวันแม่ เช่น การจัดนิทรรศการ การแสดง การประกวดต่างๆ เพื่อรำลึกถึงพระคุณของแม่
5. การบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ ทำบุญใส่บาตรอุทิศส่วนกุศล
6. นำพวงมาลัยดอกมะลิไปกราบขอพรจากแม่

ที่มา http://www.lib.ru.ac.th/journal/aug/aug12-MatherThainationalDay.html

วันอาทิตย์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2555

แนะนำ โรงเรียนอำนาจเจริญ




จัดทำโดย

นายประสิทธิ์  ทรัพย์เรืองรอง

ชั้น ม.3/5  เลขที่ 48

วันอาทิตย์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2555

วันศุกร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ส่งงานแบบฝึกหัด หน้า 39

 4.1 ให้นักเรียนเขียนโปรแกรมรับชื่อ นามสกุล เมื่อรับชื่อและนามสกุลแล้วให้แสดงกล่องตอบโต้ทักทายส่าสวัสดี ตามด้วยชื่อที่รับมา


 <html>
      <head>
      <script language="javascript">//
      <!--   
              var n;
              var s;
              n=prompt("Input Your Name");
              s=prompt("Input Your S_Name"); 
              alert("Hello"+n+s);  


      </script>
      </head>
  </html>     
  
4.2 ให้นักเรียนเขียนโปรแกรมหาพื้นที่สี่เหลี่ยมผืนผ้า และแสดงผมการหาค่าทางกล่องตอบโต้



  <html>
      <head>
      <script language="javascript">//
      <!--   
              var w;
              var h;
              w=prompt("Please Fill in the width ");
              h=prompt("Please Fill in the height"); 
              alert("Area of a rectangle = "+w*h);  


      </script>
      </head>
  </html>     

วันวิสาขบูชา



                                                   วันวิสาขบูชาโลก ครั้งที่ 9 
 

ฉลองพุทธชยันตี 2,600 ปี 
แห่งการตรัสรู้ธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า



พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เอกบุรุษผู้มีวันประสูติ ตรัสรู้และปรินิพพาน
ในวันเดียวกัน คือ วันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 หรือ วันวิสาขบูชา


     งานวันวิสาขบูชาโลก เกิดขึ้นเนื่องด้วยว่า วันวิสาขบูชา เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ที่เกี่ยวเนื่องด้วยพระบรมศาสดา พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ทรงเป็นบรมครูผู้ยิ่งใหญ่ สั่งสอนชาวโลกด้วยพระธรรมคำสั่งสอนที่พระองค์ทรงค้นพบ ตั้งแต่แรกจวบจนกระทั่งวาระสุดท้ายของพระชนม์ชีพ พระพุทธองค์ทรงมีพุทธประวัติที่งดงาม หมดจด ชัดเจนตั้งแต่ประสูติ ตรัสรู้และปรินิพพาน และทรงเป็นบุคคลที่อัศจรรย์คือ ทรงประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพานในวันเดียวกัน คือ วันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 หรือ วันวิสาขบูชา ด้วยเหตุนี้เอง องค์การสหประชาชาติจึงได้กำหนดให้วันวิสาขบูชา เป็นวัน “วันสำคัญสากลของสหประชาชาติ” หรือวันสำคัญสากลของโลก

     คณะกรรมการจัดกิจกรรมวิสาขบูชานานาชาติ ได้ประชุมพิจารณาหาเจ้าภาพในการจัดกิจกรรมนานาชาติ ระหว่างวันที่ 8-9 ตุลาคม พ.ศ.2554 ณ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย โดยมีประเทศที่เสนอตัวเป็นเจ้าภาพ 2 ประเทศ ประกอบด้วย ประเทศศรีลังกาและประเทศไทย ซึ่งที่ประชุมพิจารณาแล้วมีมติมอบหมายให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพในการจัดงานวิสาขบูชาโลก เนื่องจากในปี พ.ศ.2555 นอกจากจะเป็นการถวายพุทธบูชาฉลอง 2,600 ปี แห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าแล้ว ยังเป็นปีมหามงคลของปวงชนชาวไทย เพราะเป็นปีที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา และเป็นปีที่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงเจริญพระชนมายุ 60 พรรษา จึงเห็นสมควรให้จัดกิจกรรมการประชุมวิสาขบูชานานาชาติ ขึ้นในประเทศไทย เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติแด่ทั้ง 2 พระองค์
     กิจกรรมการประชุมวิสาขบูชานานาชาติ ครั้งที่ 9 (ปี พ.ศ.2555) นี้ จัดขึ้นเพื่อเป็นฉลอง "2,600 ปี แห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า" ภายใต้หัวข้อหลัก เรื่อง "The Buddha's Enlightenment for the well-being of Humanity; พระปัญญาตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าเพื่อประโยชน์สุขของมวลมนุษยชาติ" โดยกำหนดจัดใน วันที่ 31 พฤษภาคม และ วันที่ 1-2  มิถุนายน พ.ศ. 2555 ณ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ตำบลลำไทร อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ศูนย์ประชุมสหประชาชาติ ถนนราชดำเนินนอก กรุงเทพมหานคร และพุทธมณฑล อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม โดยมีรูปแบบการจัดกิจกรรม ดังนี้ 
     วันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ.2555 เป็นพิธีเปิดการประชุม ณ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วังน้อย อยุธยา

     วันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ.2555 เป็นการอภิปรายทางวิชาการ โดยแบ่งเป็นกลุ่มย่อย 3 กลุ่ม คือ 1) Buddhist Wisdom for Reconciliation พุทธปัญญาเพื่อความปรองดอง
2) Buddhist Wisdom for Environment พุทธปัญญาเพื่อสิ่งแวดล้อม
3) Buddhist Wisdom for Human Transformation พุทธปัญญาเพื่อการปรับเปลี่ยนชีวิตมนุษย์ ณ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ ราชวิทยาลัย วังน้อย อยุธยา

     วันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ.2555 เป็นการกล่าวสุนทรพจน์ของผู้นำชาวพุทธ ทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศ ณ ศูนย์ประชุมสหประชาชาติ ถนนราชดำเนินนอก กรุงเทพมหานคร เสร็จแล้ว ผู้นำชาวพุทธทั้งหลาย เดินทางไปร่วมกิจกรรมเวียนเทียนถวายเป็นพุทธบูชา ณ พุทธมณฑล อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม นอกจากกิจกรรมการสัมมนาทางวิชาการแล้ว ยังมีการแสดงทางวัฒนธรรมจากต่างประเทศ เช่น ประเทศจีน, ญี่ปุ่น, เวียดนาม, ศรีลังกา, อินโดนีเซีย รวมทั้งการแสดงจากประเทศไทยอีกด้วย

พระโอวาทสมเด็จพระสังฆราชฯ วันวิสาขบูชา 2555
     เนื่องในวันวิสาขบูชา ประจำปี 2555 ซึ่งเป็นปีพุทธชยันตี 2600 ปี แห่งการตรัสรู้ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ได้ประทานพระโอวาทเพื่อเป็นสิริมงคงแก่พุทธศาสนิกชน

     วันวิสาขบูชา อันเป็นอภิลักขิตกาลสำคัญในพระพุทธศาสนาได้เวียนมาถึงอีกวาระหนึ่ง ซึ่งในปีนี้ตรงกับวันที่ 4 มิถุนายน พุทธศักราช 2555 และสำหรับในปีนี้ นับเป็นอภิลักขิตกาลพิเศษ คือเป็นปีที่ครบ 26 พุทธศตวรรษ หรือ 2600 ปีแห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า หรือ 2600 ปีแห่งการอุบัติขึ้นของพระพุทธศาสนา

     พระพุทธศาสนา คือ คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้านั้น เมื่อกล่าวโดยย่นย่อก็คือ สอนให้รู้ถึงความจริงของชีวิต คือ เรื่องทุกข์ อันเป็นธรรมชาติของชีวิต และความดับทุกข์ อันเป็นเป้าหมายหรือผลอันพึงประสงค์ของชีวิต เมื่อกล่าวโดยหลักกว้าง ๆ ก็คือ สอนให้เว้นชั่ว ทำดี ทำจิตใจของตนให้บริสุทธิ์ และเมื่อกล่าวโดยหลักปฏิบัติก็คือ สอนให้ปฏิบัติในศีล ปฏิบัติในสมาธิ(Meditation) ปฏิบัติในปัญญา ทั้งนี้ก็เพื่อผลคือประโยชน์สุขของพหูชน หรือ เพื่อประโยชน์สุขของชาวโลกทั้งมวล

     ฉะนั้น เนื่องในอภิลักขิตกาลครบ 26 ศตวรรษแห่งพระพุทธศาสนา ซึ่งได้มีการจัดการเฉลิมฉลองกันทั่วไป จึงใคร่ขอเชิญชวนให้พุทธศาสนิกชนทั้งหลายได้รำลึกถึงพระธรรมคำสอนของพระ พุทธองค์ ที่ได้ทรงพระกรุณาสั่งสอนไว้ดังกล่าวข้างต้น น้อมนำเข้ามาศึกษาและปฏิบัติกันอย่างจริงจัง พร้อมทั้งแนะนำเผยแผ่ไปยังชาวโลกให้กว้างขวางยิ่งๆ ขึ้น เพื่อศานติสุขของมวลมนุษยชาติตลอดไป ก็จะได้ชื่อว่าได้ร่วมกันเฉลิมฉลอง 26 ศตวรรษแห่งพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง

     ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยและบุญกุศล อำนวยให้ทุกท่านเจริญด้วยสุขสิริสวัสดิ์ พิพัฒนมงคลตลอดไปโดยทั่วกัน
ขอบคุณข้อมูลจากเว็บไซต์ครอบครัวข่าวสาม
วัดพระธรรมกาย จัดงาน "วิสาขบูชา”ฉลองพุทธชยันตี
[5 มิถุนายน พ.ศ.2555]

     วันที่ 4 มิถุนายน เวลา 19.30 น.ที่อุโบสถวัดพระธรรมกาย จังหวัดปทุมธานี ได้มีการจัดงานวิสาขบูชา เพื่อฉลองพุทธชยันตี 2,600 ปี แห่งการตรัสรู้ธรรม  โดยภาคเช้าเป็นพิธีตักบาตรพระภิกษุสงฆ์ จำนวน 2,000  รูป  ภาคสายพระเทพญาณมหามุนี (หลวงพ่อธัมมชโย) เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย นำพุทธศาสนิกชนสวดมนต์บูชาพระรัตนตรัยและเจริญสมาธิภาวนา  ภาคบ่ายเป็นพิธีบวชอุทิศชีวิตสามเณร จำนวน 12 รูป  ณ อุโบสถ วัดพระธรรมกาย ได้รับความเมตตาจากพระธรรมกิตติวงศ์  เจ้าอาวาสวัดราชโอรสาราม  (ป.ธ.9 ,ราชบัณฑิต) เป็นพระอุปัชฌาย์  ภาคค่ำ เวลา 19.30 น. เป็นพิธีจุดวิสาขประทีป และเวียนประทักษิณรอบอุโบสถ โดยมีพุทธศาสนาชนนับแสนคนมาร่วมงานในครั้งนี้
วิสาขบูชา ณ วัดพระธรรมกาย พ.ศ.2555

โคมวิสาขประทีปนับแสนดวงสว่างไสวบูชาแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ณ อุโบสถวัดพระธรรมกาย จังหวัดปทุมธานี
 
วิสาขบูชา หน้าอุโบสถ วัดพระธรรมกาย พ.ศ.2555

แสงเทียนจากโคมประทีปสว่างไสวแม้ท่ามกลางสายฝน

วิสาขบูชา ณ วัดพระธรรมกาย พ.ศ.2555

พิธีเฉลิมฉลองวันวิสาขบูชา ณ วัดพระธรรมกาย ประเทศไทย

วันอาทิตย์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2555

แนะนำตัว






นายประสิทธิ์  ทรัพย์เรืองรอง
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/5  เลขที่ 48
โรงเรียนอำนาจเจริญ